การบําบัดน้ําเสีย

(Wastewater Treatment )

มลพิษทางน้ำ

  • น้ำเสียและสารปฏิกูล: น้ำเสียมีสารหรือสิ่งปฏิกูลที่ไม่พึงปรารถนา เช่น น้ำมัน, ไขมัน, ผงซักฟอก, และเชื้อโรคต่างๆ ที่เกิดจากแหล่งชุมชน, โรงพยาบาล, และอุตสาหกรรม.
  • ปัญหาที่เกิดขึ้น: น้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัดอาจทำให้เกิดปัญหาเน่าเสีย, การปล่อยกําลังคลองที่ไม่สามารถนํากลับมาใช้ได้, และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ.


  • การบำบัดทางกายภาพ: ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ตะแกรง, ถังดักกรวดทราย, และถังตกตะกอน เพื่อแยกออกสิ่งเจือปนทางกายภาพ เช่น ของแข็ง, กรวด, และไขมัน.
  • การบำบัดทางเคมี: ใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่พบในน้ำเสีย, เช่น ถังกวนเร็ว และถังฆ่าเชื้อโรค.
  • การบำบัดทางชีวภาพ: ใช้จุลินทรีย์ในการกำจัดสารคาร์บอนอินทรีย์, ไนโตรเจน, และฟอสฟอรัส ผ่านกระบวนการชีวภาพ เช่น ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์, ระบบแผ่นจานหมุนชีวภาพ, และระบบบ่อเติมอากาศ.

ความสำคัญของระบบบำบัดน้ำเสีย

  • ป้องกันผลกระทบ: การบำบัดน้ำเสียช่วยลดปริมาณของมลพิษในน้ำ, ป้องกันการเน่าเสีย, และลดผลกระทบต่อแม่น้ำ, ลำคลอง, และสิ่งแวดล้อม.
  • น้ำเสียที่บำบัดแล้วใช้ได้: น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดบางประการยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้, เช่น ในการเกษตรและอุตสาหกรรม.
  • ปรับตัวตามความต้องการ: การเลือกระบบบำบัดน้ำเสียขึ้นอยู่กับลักษณะของน้ำเสีย, ค่าลงทุน, และความเหมาะสมกับท้องถิ่น.

ทั้งหมดนี้เน้นว่าการบำบัดน้ำเสียเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาสภาพน้ำและป้องกันการสร้างปัญหาในสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์.


                            แหล่งที่มา: กรมมลพิษ


รายงานเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียแบ่งเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. การบำบัดขั้นต้นและเบื้องต้น (Preliminary Treatment และ Primary Treatment): ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแยกและกำจัดของแข็งและสิ่งสกปรกใหญ่ ๆ ออกจากน้ำเสีย เช่น ตะแกรงหยาบ และถังดักกรวดทราย เป็นต้น การบำบัดในขั้นนี้ลดของแข็งแขวนลอยประมาณ 50-70% และสารอินทรีย์ประมาณ 25-40%.
  2. การบำบัดขั้นที่สอง (Secondary Treatment): น้ำเสียที่ผ่านขั้นต้นและเบื้องต้นมีการบำบัดเพิ่มเติม โดยใช้กระบวนการทางชีวภาพ ในขั้นนี้จุลินทรีย์ถูกใช้เพื่อกินสารอินทรีย์ที่เหลืออยู่ในน้ำเสีย และถูกแยกตะกอนออกจากน้ำทิ้งผ่านถังตกตะกอน (Secondary Sedimentation Tank) เพื่อให้น้ำทิ้งมีคุณภาพดีขึ้น การบำบัดในขั้นนี้สามารถกำจัดของแข็งแขวนลอยและสารอินทรีย์ได้ร้อยละ 80 ขึ้นไป.
  3. การบำบัดขั้นสูง (Advanced Treatment หรือ Tertiary Treatment): เป็นขั้นตอนที่ใช้กระบวนการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้ง การกรอง, การดูดติดผิว, Ion Exchange, และ Reverse Osmosis เป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ใช้ในขั้นนี้ เป้าหมายหลักคือการกำจัดสารอาหาร, สี, และสารพิษที่ยังคงอยู่ในน้ำทิ้ง โดยเฉพาะในกรณีที่น้ำทิ้งต้องนำกลับมาใช้หรือปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ.

รวมถึงระบบแบ่งตามกระบวนการทางกายภาพ, เคมี, และชีวภาพ โดยแต่ละกระบวนการมีวัตถุประสงค์ในการกำจัดสารเจือปนต่าง ๆ ในน้ำเสีย และมีอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน.

สรุปได้ว่า การบำบัดน้ำเสียมีขั้นตอนที่หลากหลาย เพื่อให้น้ำทิ้งมีคุณภาพที่ดีและสามารถนำกลับมาใช้ได้หรือปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และนั้นมีความสำคัญในการรักษาคุณภาพน้ำและป้องกันปัญหาสิ่งมีชีวิตที่พังทลายในน้ำทั้งในระบบน้ำจืดและระบบน้ำที่นำกลับมาใช้.



การบําบัดน้ําเสีย
Ms.Wannarat Wattanachai 13 ธันวาคม ค.ศ. 2023
แชร์โพสต์นี้
บล็อกของเรา
เก็บถาวร